ใบความรู้ เรื่อง โวหารภาพพจน์ วรรณคดีร้อยกรอง กวีมักใช้ศิลปะในการนำถ้อยคำ สำนวน โวหารมาประกอบทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพและมีอารมณ่ร่วมหรือคล้อยตามไปด้วยกวีจะเลือกใช้คำมาเปรียบเทียบด้วยลักษณะต่างๆ กัน ได้แก่ (เพลงยาวถวายโอวาท : สุนทรภู่) กวีได้เปรียบเทียบความคิดหรือความรู้เหมือนอาวุธโดยใช้คำว่า เหมือน เป็นคำเชื่อม ถ้าเรามีนาวาทิพย์ทำด้วยมุกดา มีความปรารถนาเป็นใบ ( กามนิต : เสฐียรโกเศศ – นาคะประทีป ) กวีเปรียบความปรารถนากับใบเรือ และความอำเภอใจกับหางเสือเรือ โดยใช้ คำว่า "เป็น” เป็นคำเชื่อม ๓ บุคคลวัต หรือ บุคคลสมมติ กวีใช้การสมมุติสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์ ให้มีกิริยาอาการ ความรู้สึกเหมือนมนุษย์ ตัวอย่างเช่น มะนาวน้อยอย่าพลอยไปเหลิงเล่น ตะวันเย็นลงไปจะไม่แจ้ง (ราร้างอย่างแร้งไร้ : แรคำ ประโดยคำ ) กวีใช้มะนาว ผักชี ยี่หร่า ตะกร้าให้มีกิริยาเหมือนมนุษย์ คือ มะนาวทำกิริยาเหลิงเล่นผักชี ยี่หร่าทำกิริยาตาแดง ตะกร้าทำกิริยานอนตะแคงเฝ้าคอยดู ๔ อติพจน์ กวีใช้การกล่าวผิดไปจากที่เป็นจริง โดยการกล่าวให้มีลักษณะเกินความเป็นจริง หรือน้อยกว่าจริง เพื่อให้ถ้อยคำกระทบอารมณ์ของผู้อ่านให้มีความรู้สึกเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ตัวอย่างเช่น เอียงอกเธออกอ้าง อวดองค์ อรเอย (โคลงนิราศนรินทร์: นายนรินทร์ธิเบศร์ ) กวีใช้คำ เอียงอกเท แทนสิ่งที่อยู่ในใจ ใช้เขาพระสุเมรุชุบน้ำและดิน แทนปากกา เขียนข้อความในอากาศ ซึ่งล้วนเป็นลักษณะที่เกินความเป็นจริง ๕ สัทพจน์ หรือการเลียนเสียงธรรมชาติ กวีใช้การเปรียบเทียบโดยการใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ ทำให้เสียงไพเราะเกิดจินตภาพได้ชัดเจน เกิดความรู้สึกคล้อยตาม ตัวอย่างเช่น เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่ แปร๋นแปร๋น กวีใช้เลียนเสียงของช้างในคำ แปร๋นแปร๋น แกร๋นแกร๋น ฮูมฮูม ทำให้เกิดจินตภาพได้ชัดเจน ๖ ปฏิพจน์ กวีใช้การเปรียบเทียบที่เกิดจากคำที่มีความหมายตรงกันข้ามกันหรือขัดแย้งกัน นำมาแต่งให้เข้าคู่กันเพื่อให้เกิดความหมายขนานหรือเกิดภาพตัดกันที่ก่อให้เกิดความรู้สึกหรือให้จินตภาพที่ชัดเจนขึ้น ตัวอย่างเช่น รอยบุญเราร่วมพ้อง พบกัน นอกจากลีลาแบบต่างๆที่กวีแต่งเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกต่างๆให้ผู้อ่านคล้อยตามแล้วกวียังมีวิธีการใช้ภาษาสื่อความคิดออกมาในรูปการใช้สัญลักษณ์ สัญลักษณ์ หมายถึง สิ่งหนึ่งใช้แทนอีกสิ่งหนึ่ง วรรณกรรมร้อยกรองกวีใช้สัญลักษณ์คำเดียว อาจมีความหมายกว้างเป็นที่เข้าใจได้ง่าย นับเป็นศิลปะการใช้ภาษาของกวีอย่างหนึ่ง เช่น แก้ว กวีจะใช้แทนความดี ความงาม ความวิเศษ ความมีคุณค่า น้ำค้าง ใช้แทนความบริสุทธิ์ สะอาด ไฟ ใช้แทนความร้อน ยักษ์ ใช้แทนความดุร้าย คนเลว แมลงภู่ ใช้แทนผู้ชาย ดอกไม้ ใช้แทนผู้หญิง เป็นต้น เห็นแก้วแวววับที่จับจิต ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่ (ท้าวแสนปม: รัชกาลที่ ๖) แก้วและมณีเป็นสัญลักษณ์แทนผู้หญิงที่งดงาม มีค่า หรือผู้หญิงที่มีฐานะสูงศักดิ์กว่า แมลงภู่ ถึงแม้ความรักของมันจะอยู่ที่ดอกบัวหลวงก็ตามที เมื่อมันเห็นดอกมะลิเลื้อยและอยากดอกกลิ่นหอมใหม่ มันจะยอมนิ่งทนไม่ไปหาละหรือ (ปริยทรรศิกา: รัชกาลที่๖) กวีใช้แมลงภู่เป็นสัญลักษณ์แทนผู้ชายและดอกมะลิแทนผู้หญิง ⮈⮊ ⮈⮊ ⮈⮊ ⮈⮊ ⮈⮊ ⮈⮊ ⮈⮊ ⮈⮊⮈⮊ |
แสดงความคิดเห็น
ทิพย์สุคนธ์ แสนขอนยาง ภาษาไทย... ม.3 เปิดดู 40 ครั้ง |
นางสาวสิริขวัญ ขมวดทรัพย์ ภาษาไทย... ม.3 เปิดดู 39 ครั้ง |
สุพรรณา ศรีกงพาน ภาษาไทย... ม.3 เปิดดู 31 ครั้ง |
ธนัชพงศ์ ศิระลักขณาวิชญ์ ภาษาไทย... ม.3 เปิดดู 55 ครั้ง |
พิมพิไล บุญสาย ภาษาไทย... ม.3 เปิดดู 29 ครั้ง |
ทิพย์สุคนธ์ แสนขอนยาง ภาษาไทย... ม.3 เปิดดู 26 ครั้ง |
สุพรรณา ศรีกงพาน ภาษาไทย... ม.3 เปิดดู 47 ครั้ง |
OBEC PLAY Education Platform | Powered By Spirit Team